Bitcoin VS ICO ลงทุนแบบไหนเสี่ยงกว่ากัน

เงินสกุลดิจิตอลอย่าง Bitcoin ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง มีนักลงทุนจากทั่วโลก รวมทั้งจากไทยเข้าไปแสวงหาผลตอบแทน ขณะที่ภาครัฐ กำลังเร่งออกกฏหมายมากำกับดูแล ในมุมมองนักเศรษฐศาสตร์จากนิด้า มองว่า การลงทุนในบิทคอยน์มีความเสี่ยง หากไม่ควบคุมอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเงินสกุลดิจิตอลนี้ขาดคุณสมบัติสำคัญ ที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้

นักเศรษฐศาสตร์จากนิด้า เผยว่า หากศึกษาเกี่ยวกับบิทคอยน์ย้อนหลังตั้งแต่ต้น จะเข้าใจว่าเป็นเงินสมมุติที่สร้างขึ้นมาโดยคนสัญชาติญี่ปุ่น ที่ไม่เปิดเผยแม้แต่ชื่อจริง โดยเขียนโปรแกรมขึ้นมาแล้วใส่ลงไปในโลกออนไลน์ สร้าง Story ขึ้นมาว่าในโลกนี้มีเหมือนอยู่แห่งนึง แล้วเจ้าตัวก็เขียนโปรแกรมสร้างเหมืองปลอมขึ้นมาว่า ในเหมือนนี้มีคอยน์เหมือนกับเหมืองทอง และให้คนในโลกออนไลน์ช่วยกันขุด พอขุดได้ก็สามารถนำไปขาย หรือแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าจริงๆได้ เป็นการสร้างเรื่องราวขึ้นมา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้เงินดิจิตอล ทำให้ราคาขึ้นไปอย่างหวือหวา

แต่ถึงยังไง บิทคอยน์ ก็ไม่ใช่ทองคำ นักลงทุนต้องแยกแยะให้ออก เพราะบิทคอยน์ไม่ได้มีมูลค่าเหมือนทอง (แต่มากกว่าทองเยอะ) เพราะจับต้องไม่ได้ แต่ทองคำยังนำไปอ้างอิงกับเงินสกุลอื่นๆได้

นักเศรษฐศาสตร์จากนิด้า ยังบอกอีกว่า ในอนาคตเงินดิจิตอล ก็ยังไม่สามารถพัฒนาไปเทียบกับเงินสกุลหลัก อย่างยูโร ยูเอสดอลลาร์ หยวน หรือแม้แต่เงินบาท เพราะเงินสกุลนี้ไม่มีอะไรมาหนุนหลังให้เกิดความน่าเชื่อถือทั้งทรัพย์สินและเศรษฐกิจ

ส่วนการลงทุนในไอซีโอ ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับบิทคอยน์ และเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆ แต่เป็น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ จริงๆคือเป็นกระดาษที่นำไปใช้ธุรกรรมกับบริษัทในอนาคต ทำให้ใบแสดงสิทธิ์มีมูลค่า ซึ่งก็ยังถือว่าไอซีโอมีอะไรที่รองรับอยู่ข้างหลัง เช่น ทรัพย์สินของบริษัท โครงการในอนาคต ซึ่งกฏเกณฑ์ที่ กลต. ออกมาควรกำหนดให้บริษัทที่ออกผลิตภัณฑ์แบบนี้ตั้งชื่อให้ถูกต้อง ชัดเจน เพราะหากใช้คำว่าคอยน์ คนอาจจะเข้าใจผิด ว่าเป็นการทำธุรกรรมเงินสกุลดิจิตอลและตั้งใจเข้าไปเก็งกำไร ทั้งที่จริง เป็นการออกใบแสดงสิทธิ์ ที่มีค่าในตัวเองต่อการลงทุนในอนาคต

No Comments

Post a Comment

Comment
Name
Email
Website

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.