สถานการณ์ตลาดวันนี้ (21/12/61)
ความเคลื่อนไหวของตลาด forex วันนี้
1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สี่ของปีและยังคงรักษาแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 ปีข้างหน้า
2. การซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ ล่วงหน้า (U.S. stock futures) ชี้ให้เห็นถึงการเปิดตลาดที่ต่ำลง บ่งบอกว่าดัชนีหลักสามตัวของ Wall Street จะมีการเทขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกี่ยวเนื่องมาจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อวาน
3. ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 0.8% อยู่ที่ 95.74 ซึ่งเป็นระดับที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน
4. ราคาน้ำมันกลับมาลดลงอีกครั้งจากช่วงสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณการผลิตที่มากเกินไปและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
5. คาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้และย้ำคิดย้ำทำว่าเป็นแผนที่จะค่อยๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อสรุปการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปี ซึ่งจะมีการตัดสินใจนโยบายในเวลา 19.00น. ตามเวลาประเทศไทย
18:44 Acdicator
น้ำมันฟื้นตัว ! ตามสัญญาณอุปสงค์ของน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ประจำนิวยอร์ค รายงาน ราคาน้ำมัน พุ่งขึ้นในวันพุธ ซึ่งฟื้นตัวจากการชะลอตัวในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากข้อมูลของสหรัฐฯชี้ว่าความต้องการของสินค้าจากน้ำมั่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความเชื่อมั่นยังคงเป็นลบ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังยึดตามอุปสงค์ที่อ่อนค่าลงและความวิตกเกี่ยวกับปริมาณมากเกินไป
ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งขึ้น 98 เซนต์ปิดที่ 57.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพิ่มขึ้น 1.74% สัญญาน้ำมันดิบชนิดอ่อน CLF9 ที่อ่อนตัวลงในตลาดสหรัฐฯเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวขึ้น 96 เซนต์ปิดที่ 47.20 เหรียญต่อบาร์เรลเพิ่มขึ้น 2.08% สัญญาเดือนที่สอง CLG9 ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบคงเหลือลดลง 497,000 บาร์เรลในสัปดาห์ถึง 14 ธันวาคมซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.4 ล้านบาร์เรล เป็นการลดลงครั้งที่สามติดต่อกัน องค์กรข้อมูลด้านพลังงานของประเทศสหรัฐอเมริกา (EIA) กล่าว
การกลั่นน้ำมันดิบซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและน้ำมันร้อนลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาน้ำมัน ที่คาดไว้เพิ่มขึ้น 573,000 บาร์เรล EIA กล่าว ความต้องการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมกราคม ปี2003 ซึ่งช่วยหนุนการซื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟิวเจอร์สน้ำมันให้ความร้อนและตลาดน้ำมันดีเซล
สัญญาน้ำมันให้ความร้อนปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 3% แตะที่ 1.8054 เหรียญต่อแกลลอน
Jim Ritterbusch ประธาน Ritterbusch and Associates กล่าวว่า “การปรับราคาล่วงหน้าในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นแรงขับเคลื่อนจากการทำกำไรหรือการซื้อขายในระยะสั้นมากกว่าที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของยอดคงเหลือในน้ำมัน”
ตลาดหดตัวในวันอังคาร และอัตราการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง น้ำมันดิบ Brent ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 55.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่มาถึงในเดือนตุลาคม 2017 WTI ร่วงลงมาที่ 45.79 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017
ตลาดการเงินในวงกว้างได้รับแรงกดดันจากความกังวลในอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่พุ่งสู.ขึ้น ตามที่คาดไว้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยในวันพุธและยังกล่าวอีกว่า ควรจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทีละน้อย
ราคาน้ำมัน ปรับลดลงตามดัชนีดอลลาร์หยุดขาดทุน เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ
Phil Flynn นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group ในชิคาโก กล่าวว่า “มีความผิดหวังเล็กน้อยที่เฟดไม่ได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ย ” “ผู้คนต่างกังวลว่าถ้าเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลต่อความต้องการน้ำมันได้ในเวลาเดียวกัน“
Brent และ WTI ร่วงลงกว่า 30% เมื่อต้นเดือนตุลาคมเนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
องค์กรน้ำมันของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ รวมทั้งรัสเซีย ทำข้อตกลงกันในเดือนนี้เพื่อลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) เพื่อระบายสินค้าและเพิ่มราคา
แต่การปรับลดจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงเดือนถัดไป และการผลิตใกล้ถึงหรือสูงกว่าจุดที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐอเมริการัสเซียและซาอุดิอาระเบีย
ผลผลิตน้ำมันของรัสเซียอยู่ที่ระดับ 11.42 ล้านบาร์เรลต่อเดือน แหล่งอุตสาหกรรมกล่าวกับรอยเตอร์
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย Khalid al-Falih คาดว่า “หุ้นน้ำมันทั่วโลกจะลดลงภายในสิ้นไตรมาสแรก”
Alan Greenspan กับคำเตือน “วิกฤตกำลังใกล้เข้ามาทุกที”
Alan Greenspan อดีตประธาน FED (1987-2006) เตือนถึงสภาวะตลาดที่กำลังเปลี่ยนไป โดยเขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นไม่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้แล้ว นอกจากนี้เขาพูดถึงสิ่งที่นักลงทุนเรียกว่า Divergence คือการสวนทางกันระหว่างการกระทำกับผลลัพธ์ โดยพูดถึงสถาณการณ์ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นไม่น่าจะปรับตัวขึ้นในขณะที่มีการใช้นโยบายตึงตัว “มันเป็นอะไรที่น่าประหลาดมากๆ”
จริงๆ ก่อนหน้านี้ กรีนสแปนก็เคยออกมาเตือนเรื่อง stagflation หรือเรื่องสภาวะเงินเฟ้อถีบตัวสูงในขณะที่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตตาม (ซบเซา) ซึ่งในครั้งนั้น ตลาดมีความกังวลเรื่องเดียวกันนี้บ้าง และก็หุ้นทั่วโลกก็ยังปรับตัวขึ้นต่อไปได้
สุดท้าย กรีนสแปน ก็คงแนวคิดในแง่ร้ายไว้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยอมรับว่า เขาเองก็ไม่รู้ว่า ตลาดหุ้นในครั้งนี้จะยาวนานขนาดไหน หรือก็ไม่รู้ว่าถ้ามันพังมันจะส่งผลกระทบมากเท่าไหร่ มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงมัน อย่างไรก็ตาม เขาก็กล่าวทิ้งท้ายไว้สั้นๆ ว่า ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เราควรจะ “run for cover” หรือพูดง่ายๆ คือ “หาที่หลบภัยซะ !”