
การเทรดด้วยคุณภาพ หรือเน้นปริมาณ แบบไหนดีกว่า
การเทรดที่ดีคือการไม่เทรด ?
แต่ผมไม่ได้หมายถึงว่าไม่เทรดเลย แต่เราจะเทรดก็ต่อเมื่อเราได้เปรียบตลาด หรือเรารู้วิธีการเทรดที่จะได้เปรียบเท่านั้น
สำหรับเทรดเดอร์ที่มีวินัยในการเทรดแล้ว แต่ละครั้งที่ออกออเดอร์ ต้องมีแผนที่ชัดเจน ไม่เน้นปริมาณในการเทรด วันไหนที่กราฟไม่เป็นไปตามระบบตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องเทรดเลย
การเทรดในตลาด forex จริงๆแล้วควรมองระยะยาว เพราะจะทำให้เราสร้างรายได้จากตลาดได้อย่างยั่งยืน เป็นอาชีพหลักได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์จากสำนักไหน หรือเทคนิคอะไร ก็แล้วแต่ เวลาคือสถิติ ลองพิจารณาดูครับ เผื่อเป็นประโยชน์
การเทรดด้วยคุณภาพ หรือเน้นปริมาณ แบบไหนดีกว่า?
คำศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ทุกคนได้ยินกันบ่อยๆ คือ
Quality (คุณภาพ) และ Quantity (ปริมาณ)
ใช้เปรียบเทียบกับการกระทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง แล้ววัดผลออกมาก ในเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ
กิจกรรมบางอย่าง ต้องใช้การวัดผลเชิงคุณภาพ เช่น การแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ การประกวดร้องเพลง ที่ต้องตัดสินจากการแปลงเชิงคุณภาพ ออกมาเป็นตัวเลขคะแนน สำหรับการวัดผลเชิงปริมาณนี้จะทำได้ง่าย เพราะออกมาเป็นตัวเลขได้โดยตรง
การเทรด forex ก็เช่นเดียวกัน มีทั้งการเทรดเชิงคุณภาพ และ เชิงปริมาณ
การเทรดเชิงปริมาณจะเน้นที่จำนวนออร์เดอร์ มีความเสี่ยงในการสร้างนิสัย overtrade (การเทรดมากเกินไป) เทรดเดอร์ที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์และเฝ้ามองกราฟ เห็นการเคลื่อนไหวขึ้น-ลง ของกราฟ ซึ่งจะกระตุ้นให้ทำการเปิดคำสั่ง ซึ่งการที่กราฟเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
บางครั้งอาจจะมาจากข่าว ทำให้มีความอ่อนไหว กระทบราคาสกุลเงิน นักเทรดก็มีความกลัวในการเสียโอกาส ก็เปิดคำสั่งอย่างเร็ว โดยไม่ได้มีการวางแผน และใช้อารณ์เป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้มาก
ผลที่ได้คือเงินในพอร์ต ลดลงไปเรื่อยๆ และด้วยความที่ใจร้อนอยากเอาคืน ก็ยิ่งเทรดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอยากได้ทุนคืน สุดท้ายก็จบลงที่ล้างพอร์ตนั่นเอง
ข้อเสียอีกอย่างของการเทรดเชิงปริมาณ คือ เป็นการสร้างพฤติกรรมเริ่มต้นของการเสพย์ติดการเทรดอีกด้วย
สมองของคนเราฉลาดมาก เมื่อเราได้กำไรจากเทรดหนึ่งครั้ง สมองจะสั่งให้เราเปิดคำสั่งอีก เหมือนอยากได้รางวัลเพิ่มขึ้น
ผู้ที่ศึกษาศาสตร์ NLP จะทราบว่า การทำอะไรซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วัน จะสร้างการเชื่อมต่อเส้นประสาทในสมอง หลังจากนั้นมันจะกลายเป็นนิสัยของเราไปเลย
ฉะนั้น พฤติกรรมการเทรดนี้จะส่งผลไม่ดีในระยะยาวกับนักเทรด
นี่ยังไม่รวมถึงกำไรจากการเทรด กำไรจากเทรดแต่ละครั้งเป็นส่วนที่หักค่าสเปรตหรือคอมมิชชั่นออกไปแล้ว
ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนหลักที่ทำให้นักเทรดได้กำไรน้อยลง ส่วนใหญ่นักเทรดไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ ถือว่าได้กำไรก็พอ

การเทรดเชิงคุณภาพ
ต่างกันที่ผลลัพธ์ เอาเข้าจริง ก็ต่างกันตั้งแต่การเริ่มต้นแล้ว คำว่าเชิงคุณภาพ คือการไม่คำถึงปริมาณหรือจำนวน
การเทรดเชิงคุณภาพมาจากการวางแผนการเทรดเป็นอย่างดี การเปิดคำสั่งน้อย เพราะมีการกรองสัญญาณของกราฟ
เช่น วางแผนการเทรดไปตามแนวโน้ม ราคา และสัญญาณที่เกิดขึ้น หรือตามเทคนิคของแต่ละคน
ซึ่งการวางแผนการเทรดที่ดี ไม่ได้อ้างอิงแค่สัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วรีบเปิดคำสั่งเพราะกลัวตกรถ
แต่เป็นการ checklist ว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นเข้ารูปแบบที่จะเปิดคำสั่งหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ก็นั่งทับมือรอกันต่อไป จนกว่าจะเกิดสัญญาณให้เทรดขึ้นอีกครั้ง
การเทรดเชิงคุณภาพ อาจจะแค่เพียงอาทิตย์ละไม่กี่คำสั่งเท่านั้น
เป็นการเทรดที่เปิดคำสั่งตามแผนที่วางไว้ ตั้ง take profit/stop loss และไปทำอย่างอื่นต่อ ไม่ต้องเผ้าจอตลอดเวลา เพื่อให้เวลากับกราฟที่วิ่งไปตามตลาด
นักเทรดต้องมีความอดทนรอคอยได้ ถือเป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการเทรดและเรื่องอื่นๆในชีวิต
สุดท้ายแล้ว เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ จะทราบว่าการเทรดเชิงคุณภาพ คือทำตามแผนที่วางไว้
เปิดคำสั่งตามแผนการเทรดที่เราวางไว้ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว